ภาษาญี่ปุ่นมีอักษรกี่แบบกันนะ
みんなさん こんにちは
(มินนะซัง คนนิจิวะ)
สวัสดีแฟนเพจภาษาญี่ปุ่นง่ายนิดเดียวทุกท่านนะครับ
ขอต้อนรับเข้าสู่เพจเรียนภาษาญี่ปุ่นแบบง่ายๆสบายๆ เพื่อให้ทุกท่านได้มีโอกาศเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น วัฒนธรรม การท่องเที่ยว ประสบการณ์ต่างๆของประเทศญี่ปุ่น สำหรับวันนี้ผมจะมาแนะนำตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นเพื่อเป็นพื้นฐานให้กับผู้ที่สนใจอยากจะเรียน ภาษาญี่ปุ่นนะครับ
ในภาษาญี่ปุ่นนั้น ใช้ตัวอักษร 3 แบบ ด้วยกัน คือ ひらがな (ฮิรากะนะ) カタカナ (คะตะคะนะ) และ 漢字 (คันจิ) เป็นประเทศที่ใช้ตัวอักษรมากที่สุดในโลก เพราะมีคำพ้องเสียงเยอะมาก จึงจำเป็นจะต้องใช้ตัวอักษรเพื่อบ่งชี้ความหมายให้ชัดเจน สำหรับผู้ที่เริ่มศึกษานั้น ก็จะเริ่มเขียนอักษร ฮิรากะนะก่อน จากนั้นก็ต่อด้วย คะตะคะนะ และสุดท้ายก็คันจิ
1.อักษรฮิรากะนะ
ฮิระงะนะพัฒนามาจากอักษรจีน เริ่มแรกเรียก อนนะเดะ หรือ มือของผู้หญิง เพราะใช้เขียนโดยผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ ผู้ชายจะเขียนโดยใช้คันจิและคะตะคะนะ ประมาณ พ.ศ. 1500 ฮิระงะนะจึงใช้โดยทั่วไป คำว่า ฮิระงะนะ หมายถึง อักษรพยางค์สามัญ รูปแบบแรกๆของฮิระงะนะ มีสัญลักษณ์หลายตัวที่ออกเสียงเหมือนกัน ระบบการเขียนมีความแตกต่างกันขึ้นกับผู้เขียนแต่ละคน รัฐบาลญี่ปุ่นเข้ามาจัดรูปแบบเมื่อ พ.ศ. 2489 จึงกลายเป็นอักษรที่ใช้ในปัจจุบัน
ฮิระงะนะมีสัญลักษณ์ 48 ตัว และมักใช้ในการลงท้ายคำ (okurigana) ในภาษาญี่ปุ่น ใช้สำหรับคำที่ไม่มีในตัวอักษรคันจิ หรือใช้ในส่วนท้ายของคำกริยาหรือใช้เป็นคำช่วย ใช้โดยทั่วไปในสื่อสำหรับเด็ก ตำราเรียน และหนังสือการ์ตูนและฮิระงะนะใช้สำหรับเป็นคำอ่านสำหรับตัวอักษรคันจิ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านได้ ซึ่งเรียกว่า ฟุริงะนะ ในหนังสือพิมพ์เป็นกฎที่ต้องใส่ฟุริงะนะคู่กับคันจิ ที่นอกเหนือไปจากคันจิที่ทางราชการรับรองว่าเป็นคันจิที่ใช้บ่อย 1,945 ตัว
บทความหน้าผมจะมาสอนวิธีการเขียนตัวอักษรฮิรากะนะ ห้ามพลาดนะครับ
ขอบคุณทีติดตามครับผม
ありがとうございます。
(อะริกะโตะโกะไซมัส)
みんなさん こんにちは
(มินนะซัง คนนิจิวะ)
สวัสดีแฟนเพจภาษาญี่ปุ่นง่ายนิดเดียวทุกท่านนะครับ
ขอต้อนรับเข้าสู่เพจเรียนภาษาญี่ปุ่นแบบง่ายๆสบายๆ เพื่อให้ทุกท่านได้มีโอกาศเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น วัฒนธรรม การท่องเที่ยว ประสบการณ์ต่างๆของประเทศญี่ปุ่น สำหรับวันนี้ผมจะมาแนะนำตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นเพื่อเป็นพื้นฐานให้กับผู้ที่สนใจอยากจะเรียน ภาษาญี่ปุ่นนะครับ
ในภาษาญี่ปุ่นนั้น ใช้ตัวอักษร 3 แบบ ด้วยกัน คือ ひらがな (ฮิรากะนะ) カタカナ (คะตะคะนะ) และ 漢字 (คันจิ) เป็นประเทศที่ใช้ตัวอักษรมากที่สุดในโลก เพราะมีคำพ้องเสียงเยอะมาก จึงจำเป็นจะต้องใช้ตัวอักษรเพื่อบ่งชี้ความหมายให้ชัดเจน สำหรับผู้ที่เริ่มศึกษานั้น ก็จะเริ่มเขียนอักษร ฮิรากะนะก่อน จากนั้นก็ต่อด้วย คะตะคะนะ และสุดท้ายก็คันจิ
1.อักษรฮิรากะนะ
ฮิระงะนะพัฒนามาจากอักษรจีน เริ่มแรกเรียก อนนะเดะ หรือ มือของผู้หญิง เพราะใช้เขียนโดยผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ ผู้ชายจะเขียนโดยใช้คันจิและคะตะคะนะ ประมาณ พ.ศ. 1500 ฮิระงะนะจึงใช้โดยทั่วไป คำว่า ฮิระงะนะ หมายถึง อักษรพยางค์สามัญ รูปแบบแรกๆของฮิระงะนะ มีสัญลักษณ์หลายตัวที่ออกเสียงเหมือนกัน ระบบการเขียนมีความแตกต่างกันขึ้นกับผู้เขียนแต่ละคน รัฐบาลญี่ปุ่นเข้ามาจัดรูปแบบเมื่อ พ.ศ. 2489 จึงกลายเป็นอักษรที่ใช้ในปัจจุบัน
ฮิระงะนะมีสัญลักษณ์ 48 ตัว และมักใช้ในการลงท้ายคำ (okurigana) ในภาษาญี่ปุ่น ใช้สำหรับคำที่ไม่มีในตัวอักษรคันจิ หรือใช้ในส่วนท้ายของคำกริยาหรือใช้เป็นคำช่วย ใช้โดยทั่วไปในสื่อสำหรับเด็ก ตำราเรียน และหนังสือการ์ตูนและฮิระงะนะใช้สำหรับเป็นคำอ่านสำหรับตัวอักษรคันจิ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านได้ ซึ่งเรียกว่า ฟุริงะนะ ในหนังสือพิมพ์เป็นกฎที่ต้องใส่ฟุริงะนะคู่กับคันจิ ที่นอกเหนือไปจากคันจิที่ทางราชการรับรองว่าเป็นคันจิที่ใช้บ่อย 1,945 ตัว
อักษร ฮิรากะนะ มี 48 ตัว
2.ตัวอักษรคะตะกะนะ
ถูกสร้างขึ้นใน ยุคเฮอัน โดยนำมาจากส่วนหนึ่งของตัว คันจิ พัฒนามาจาก อักษรจีนที่ใช้โดยพระภิกษุเพื่อแสดงการออกเสียงอักษรจีนที่ถูกต้องเมื่อประมาณ พ.ศ. 1400 ในช่วงแรกมีสัญลักษณ์หลายตัวที่แสดงเสียงเดียวกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป อักษรถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น ราว พ.ศ. 1900 มีสัญลักษณ์ 1 ตัว ต่อ 1 พยางค์เท่านั้น คำว่า คะตะกะนะ หมายถึงอักษรพยางค์ที่เป็นส่วน (ของคันจิ)
คะตะกะนะมีสัญลักษณ์ 48 ตัว ในยุคแรกรู้จักในนาม การเขียนของผู้ชาย คะตะกะนะใช้กับคำยืมที่ไม่ได้มาจากภาษาจีนเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งการเลียนเสียง ชื่อจากภาษาอื่น การเขียนโทรเลข และการเน้นคำ (แบบเดียวกับการใช้อักษรตัวใหญ่ในภาษาอังกฤษ) ก่อนหน้านั้นคำยืมทั้งหมดเขียนด้วยคันจิ ใช้ในหลายกรณี ได้แก่
- ใช้เขียนคำที่ยืมมาจากภาษาต่างประเทศ ชื่อชาวต่างประเทศ และชื่อสถานที่ในต่างประเทศซึ่งเป็นวิสามานยนาม เช่น ホテル (โฮะเตะรุ หรือ Hotel)
- ใช้เขียนคำซึ่งเลียนเสียงในธรรมชาติ เช่น ワン ワン (วัง วัง เสียงเห่าของสุนัข)
- ใช้เขียนชื่อญี่ปุ่น (和名) ของสัตว์และแร่ธาตุ เช่น カルシウム (คารุซิอุมุ หรือ แคลเซียม)
- ใช้ในเอกสารใช้ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง (ใช้ร่วมกับตัวอักษรคันจิ)
- ใช้ในโทรเลข และระบบคอมพิวเตอร์ในช่วงก่อนเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2531 ซึ่งยังไม่มีการใช้ระบบตัวอักษรหลายไบต์ (เช่น ยูนิโคด)
อักษร คะตะคะนะ มี 48 ตัว ใช้เขียนแทนคำที่มาจากภาษาต่างประเทศ
3.คันจิ
สมัยก่อนประเทศญี่ปุ่นยังไม่มีอักษรเป็นของตนเอง เมื่อตัวอักษรจีน เผยแพร่มาสู่ประเทศญี่ปุ่นโดยผ่านหนังสือต่างๆ จากประเทศจีน ในยุคต่อมา เริ่มมีการนำตัวอักษรจีนมาเขียนเป็นประโยคภาษาญี่ปุ่น โดยใช้ระบบที่เรียกว่า มันโยงะนะ (万葉仮名, まんようがな Man'yōgana) คือ การใช้ตัวอักษรจีนหนึ่งตัวเขียนแทนภาษาญี่ปุ่นหนึ่งพยางค์ โดยจะใช้ตัวอักษรจีนที่มีเสียงในภาษาจีนใกล้เคียงกับพยางค์ของภาษาญี่ปุ่นพยางค์นั้นๆ โดยไม่คำนึงถึงความหมายของอักษรจีนตัวนั้นเลย ระบบการเขียนนี้ปรากฏอยู่ในหนังสือรวมบทกวีชื่อ มันโยชู (万葉集 Man'yōshū) แต่งขึ้นประมาณพ.ศ. 1302 ในยุคนะระ ถือเป็น วรรณกรรม ที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ของญี่ปุ่น
ในปัจจุบัน อักษรคันจิใช้เขียนเป็นส่วนหนึ่งของคำภาษาญี่ปุ่นมากมาย โดยอักษรคันจิจะเป็นขั้วคำ หรือหัวข้อของคำ (Word stem) และเติมอักษรฮิระงะนะ เพื่อการผันคำให้เป็นทั้งคำนาม คำวิเศษณ์ และคำกริยา นอกจากนี้ อักษรคันจิจะใช้เชียนชื่อสิ่งต่างๆ ทั้งชื่อบุคคล ชื่อสถานที่ ชื่อเมือง ชื่อวิชาหรือศาสตร์ต่างๆ เป็นต้น เพื่อความเป็นทางการ
เนื่องจากอักษรจีนนั้น มีจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้ยากต่อการเรียนรู้และจดจำ กระทรวงศึกษาธิการของญี่ปุ่นจึงได้ประกาศชุดอักษรคันจิที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เรียกว่า โจโยคันจิ (常用漢字 Jōyō kanji) ซึ่งชาวญี่ปุ่นมักจะจดจำอ่านออกเสียงได้ ส่วนอักษรคันจินอกเหนือจากนี้ จะเขียนกำกับเสียงด้วยอักษร โอะกุริงะนะ (送り仮名 Okurigana) ซึ่งเป็นอักษรฮิระงะนะตัวเล็กๆ กำกับเสียงของอักษรคันจิแต่ละตัว เพื่อให้ทราบความหมายและอ่านออกเสียงได้
ตัวอักษร KANJI ซึ่งดักแปลงมาจากอักษรจีน
ขอบคุณทีติดตามครับผม
ありがとうございます。
(อะริกะโตะโกะไซมัส)
ในตอนหน้าจะมาสอนวิธีเขียนตัวฮิรากะนะ นะครับ
ตอบลบขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับผม
จำนวนตัวอักษรฮิรางานะ และคาตาคานะ ไม่ได้มี 46 ตัวหรอคะ
ตอบลบ